หนังออนไลน์ Feng shui (2018) ฮวงจุ้ย พลังแห่งผืนดินลิขิตชะตา

ฮวงจุ้ยสุสานสำคัญไฉน ติดตามได้ใน หนังออนไลน์ เรื่อง Feng shui (2018) ฮวงจุ้ย พลังแห่งผืนดินลิขิตชะตา
หนังออนไลน์ เรื่อง Feng shui (2018) ฮวงจุ้ย พลังแห่งผืนดินลิขิตชะตา เป็นหนังเกาหลีใต้ย้อนยุคที่กำกับโดย Park Hee-gon โดยมีนักแสดงนำได้แก่ Cho Seung-woo, Ji Sung, Kim Sung-kyun, Baek Yoon-sik และ Moon Chae-won หนังถูกเปิดฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2018

หนังได้นำเสนอเรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีความเป็นเลิศทางด้านศาสตร์ของฮวงจุ้ย และเขาก็คือพระเอกของเรื่องนั่นเอง ในสมัยโชซอนได้มีเสนาชั่วที่มากไปด้วยอำนาจและบารมี เขามีชื่อว่าเสนาคิม เขากุมอำนาจเหนือพระราชาในขณะที่พระราชานั้นไม่มีแม้แต่ทหารสักนายเดียวที่จะอยู่ข้างเขา เสนาคิมปฏิบัติต่อราชวงศ์เยี่ยงสัตว์และไม่มีความเปรงกลัวต่อพระราชาเลย ตระกูของเขาอยู่ดีกินดีเพราะฮวงจุ้ยสุสานที่ดีที่สุดที่อยู่ถัดไปเหนือพระบิดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบันนั้นกลายมาเป็นที่ฝังศพของพ่อเสนาคิม ดังนั้นพลังอำนาจแห่งห่วงจุ้ยจึงเสริมและดึงดูดความมั่งคั่งร่ำรวยยศฐอำนาจเหนือกษัตริย์มาสู่ตระกูลของเขา
แต่เพราะพระเอกได้บอกพระราชาไปว่าสุสานที่ดีที่สุดไม่ใช่สุสานที่สินแสชั่วและเสนาคิมแนะนำเลยทำให้เสนาคิมนำคนไปเผาบ้าเขาจนภรรยาและลูกถูกครอกตายในบ้าน พระเอกเลยแค้นมากพระเอกและเพื่อนสนิทได้ดูฮวงจุ้ยที่ดินก่อนจะซื้อมันและนำไปขายให้พวกเศรษฐีอีกทีจึงยิ่งทำให้ชาวบ้านอยากมีโอกาสดีๆ บ้าง พระเอกเลยดูฮวงจุ้ยฟรีให้ชาวบ้านซึ่งมันก็ส่งผลทำให้ชาวบ้านได้อยู่ดีกินดี ต่อมาเสนาคิมถูกเป่าหูให้แทนที่กษัตริย์และลูกชายก็ถูกเป่าหูให้ฆ่าพ่อ
สุดท้ายเสนาคิมก็ตายและถูกฝังไว้ในที่อัปมงคล ทางด้านอาของพระราชาก็ได้คิดยึดที่วัดมาทำสุสานหลวงเพื่อสืบต่ออำนาจกษัตริย์ของตระกูลไปอีกสองสมัยซึ่งพระเอกก็ไม่เห็นด้วย ต่อมาอำนาจกษัตริย์รุ่งเรื่องขึ้นในขณะที่อำนาจตระกูลเสนาคิมเสื่อมถอยลง และเมื่อครบสองสมัยแห่งการครองราชย์ กษัตริย์ก็ได้สูญสิ้นอำนาจไปตลอดจวบจนปัจจุบัน
หลังจากที่เราได้ ดูหนังออนไลน์ เรื่องนี้จนจบเราก็เกิดสงสัยว่าศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยนี่มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ บนโลกนี้มีศาสตร์ต่างๆ มากมายแล้วเราควรยึดศาสตร์ไหมมากที่สุด แล้วพวกฝรั่งเค้ามีการใช้ศาสตร์เหล่านี้ไหม ทำไมบ้านเมืองของเขาเจริญกันจัง แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่ได้คำตอบที่ถูกต้องที่สุดอยู่ดีเพราะคนที่ให้คำตอบมีแค่สองกลุ่มคือ กลุ่มคนที่เชื่อและกลุ่มคนที่ไม่เชื่อนั่นเอง ดังนั้นเรานำมาปรับใช้ให้เหมาะสมแต่ไม่ต้องสุดโต่งจนเกินไปจะดีกว่าเน๊อะ